สถานีต่างๆ ใน 165 กิโลเมตร ผ่าน 27 สถานี และ 4 ป้ายหยุดรถที่ตั้งอยู่ตามชุมชนในแต่ละอำเภอตามแนวเส้นทางรถไฟ (* หมายถึง ป้ายหยุดรถ)
- นครปฐม
- พระราชวังสนามจันทร์*
- โพรงมะเดื่อ
- คลองบางตาล
- ชุมทางหนองปลาดุก
- บ้านโป่ง
- นครชุมน์
- คลองตาคต
- โพธาราม
- เจ็ดเสมียน
- บ้านกล้วย
- สะพานราชบุรี*
- ราชบุรี
- บ้านคูบัว
- บ่อตะคร้อ
- บ้านป่าไก่*
- ปากท่อ
- ห้วยโรง*
- บางเค็ม
- เขาย้อย
- หนองปลาไหล
- บางจาก
- เพชรบุรี
- เขาทโมน
- หนองไม้เหลือง
- หนองจอก
- หนองศาลา
- บ้านชะอำ
- บ้านทรายเหนือ
- ห้วยทรายใต้
- หัวหิน
ภาคใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่สวยงามและได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมโยงฐานผลิตยางพาราอันดับหนึ่งของโลก เป็นประตูการค้าและการขนส่งเชืื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาภาคใต้จำเป็นต้องอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เศรษฐกิจในการที่มีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการขนส่งสินค้า โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ อันเป็นโครงข่ายคมนาคมและการขนส่งที่มีความทันสมัย
ทางคู่ดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม
ในการดำเนินโครงการ ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามแนวเส้นทางช่วงนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน พบว่า มีแม่น้ำสายต่างๆ อยู่ในแนวเส้นทาง เช่น แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำเพชรบุรี เป็นต้น และมีบางช่วงของแนวเส้นทางที่ผ่านชุมชน การดำเนินงานอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านการระบายน้ำ คุณภาพอากาศ การคมนาคมขนส่ง เสียงและความสั่นสะเทือน การโยกย้าย รวมทั้งการแบ่งแยกชุมชน จึงพิจารณาออกแบบ แก้ไขมาตรฐานการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มความเหมาะสม และมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญดังนี้
การแบ่งแยกชุมชน
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม : การออกแบบรั้วกั้นตลอดแนวเส้นทางเพื่อป้องกันอันตรายและลดอุบัติเหตุ ส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกชุมชน ทำให้คนในบริเวณนั้นสัญจรไปมาลำบากขึ้น
มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ : จัดให้มีทางเชื่อมหรือทางลอดในระยะที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรแก่ชุมชน, ตรวจสอบการใช้งานของทางลอด ทางข้าม และสะพานลอยอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที
การอพยพโยกย้าย
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาโครงการเน้นการใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้ชุมชนที่ปลูกสร้างเข้ามารุกล้ำพื้นที่ดังกล่าวต้องโยกย้ายออกไป
มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ : ประชาสัมพันธ์แนวทางในการให้ความช่วยเหลือด้านอพยพโยกย้ายสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ, จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน, สำรวจรายละเอียดทรัพย์สินที่จะต่้องรื้อย้ายอย่างละเอียด, ดำเนินการจ่ายค่ารื้อย้ายและให้ความช่วยเหลือด้านการอพยพโยกย้ายตามกระบวนการที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรม
การระบายน้ำ
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม : โครงสร้างสะพานและเสาตอม่อในบริเวณที่มีแม่น้ำอยู่ในแนวเส้นทาง เช่น แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำเพชรบุรี เป็นต้น อาจก่อให้เกิดการกีดขวางการไหลของน้ำและลดประสิทธิภาพของการระบายน้ำ
มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ : ออกแบบโครงสร้างที่ผ่านน้ำ โดยกำหนดให้ตวามยาวสะพานมากกว่าหรือเท่ากับความกว้างของทางน้ำ เพื่อรองรับการระบายน้ำ, หลีกเหลี่ยงการเปิดหน้าดินบริเวณริมน้ำพร้อมกันทั้งหมด โดยเลือกเปิดพื้นที่เฉพาะบริเวณที่ทำงานจริงเท่านั้น, การกองดิน ทราย และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ต้องอยู่ห่างจากแหล่งน้ำไม่น้อยกว่า 50 เมตร, ควบคุมการชะล้างหน้าดินบริเวณริมน้ำ โดยการปลูกพืชคลุมดิน
เสียงและความสั่นสะเทือน
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม : พื้นที่ที่อยู่ใกล้ทางรถไฟน้อยกว่า 200 เมตร จะได้รับผลกระทบทางเสียงและแรงสั่นสะเทือนจากการขุดเจาะการก่อสร้าง และการขนส่ง
มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ : กำหนดให้ช่วงเวลาก่อสร้างระหว่างเวลา 08:00-17:00 น., จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน, ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบถึงแผนการก่อสร้าง
การคมนาคมขนส่ง
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม : การก่อสร้างที่กีดขวางการจราจรในบริเวณพื้นที่โครงการอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัด
มาตรการป้องกันและลดผลกระทบ : ประชาสัมพันธ์และปิดประกาศล่วงหน้า, กำหนดให้มีป้ายเตือน แผงกั้น กรวย แสงสว่าง ไฟกระพริบ ในแต่ละส่วนของพื้นที่ก่อสร้าง, ควบคุม/จัดการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ เพื่อป้องกันปัญหาด้านการจราจรในถนนบริเวณพื้นที่โครงการ
ประโยชน์ของการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ต่อภูมิภาค
- ย่นระยะทางจากเส้นทางเดิมอันเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน และลดระยะเวลาด้านการขนส่ง ทำให้ต้นทุนในการขนส่งต่ำลง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
- เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยให้เดินทางถึงที่หมายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าลงสู่ภาคใต้
- เชื่อมต่อเครือข่ายรถไฟทางคู่ลงสู่จังหวัดประจวบคิรีขันธ์และจังหวัดชุมพร ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าภูมิภาคได้เป็นอย่างดี
- สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ 273,000 ล้านบาทภายใน 30 ปี
เมื่อรถไฟทางคู่ เส้นทางสายใต้ช่วง นครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน เปิดให้บริการใน พ.ศ.2558 จะก่อให้เกิดประโยชน์ดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ จาก 1 ล้านตันต่อปี เป็น 1.5 ล้านตันต่อปี
- เพิ่มจำนวนผู้โดยสารจากปีละ 6 ล้านคนเป็น 12 ล้านคน
- เพิ่มความจุของทางเฉลี่ยได้มากกว่า 200 ขบวนต่อวัน
- เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ในการเดินทางจากกรุงเทพฯ-หัวหิน จากปัจจุบันเกือบ 3 ชั่วโมง จะเหลือเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร. (2553). ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ เส้นทางสายใต้. เอกสารข้อเท็จจริง ชุดที่ 2 (มิถุนายน 2553) ใช้ประกอบการลงพื้นที่ตามแนวเส้นทาง ครั้งที่ 2.